กลยุทธ์การทำการตลาด แบบ ปากต่อปาก (Word of Mouth) ที่ในอดีตได้ชื่อว่า เป็นสื่อที่ใช้้ต้นทุนการโฆษณาต่ำที่สุด แต่ปัจจุบัน พบว่า กลยุทธ์ดังกล่าว แม้จะใช้ต้นทุนต่ำแต่ก็มีข้อจำกัด ซึ่งหลักๆ ก็คือ เรื่องของการเผยแพร่ ที่ต้องใช้ระยะเวลา รวมถึงควบคุมสื่อ หรือข้อความทางการตลาดได้ยากลำบากยิ่งนัก ดังนั้นกลยุทธ์นี้ ที่ผ่านมาจะเป็นเพียงกลยุทธ์ที่ร่วมสมทบ โดยเฉพาะสำหรับสินค้า หรือบริการ ที่ต้องการตีตลาดอย่างรวดเร็ว
และหวังผล ของการประชาสัมพันธ์ ก็มักจะใช้สื่ออื่นๆ ร่วมด้วย
แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มีสื่อชนิดใหม่เกิดขึ้น โดยที่กระแสความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง สื่อนี้แท้จริงแล้วพัฒนามาจาก กลยุทธ์ ปากต่อปากหรือ Word of Mouth แต่เป็นการติดปีก และลบข้อจำกัดของกลยุทธ์เดิมลงอย่างหมดเปลือก ซึ่งแท้จริงแล้ว อาจเรียกได้ว่าเป็นยุคของสื่อนี้เลยก็ว่าได้ นั้นคึือสื่อในลักษณะที่เป็น "Social Network"
Social Network เป็นการบอกต่อกันของผู้บริโภค ผ่านเครื่องมือสื่อสารบนโลกอินเตอร์เนท ซึ่งได้ชื่อว่ามีความรวดเร็วในการประชาสัมพันธ์ และกวาดพื้นที่โฆษณาได้ทั่วโลก ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการควบคุม ข้อความทางการตลาด ก็สามารถทำได้ ณ จุดเดียว ส่งผลให้สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรเสียเจ้าของ Brand ก็จะต้องถือความรับผิดชอบต่อสังคม ติดแนบแน่นไปกับสินค้าและบริการด้วย เนื่องจาก มีข้อดี ก็ต้องมีข้อเสีย คือ สื่อ Social Media จะเกิดการบอกต่อกันอย่างรวดเร็ว อนุภาพของมันไวกว่า การบอกกันปากต่อปาก หลายพันเท่าตัว รวมถึงสื่อนี้ เปิดโอกาสให้เกิดการรวมตัวกันของกลุ่มผู้บริโภค ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกง่ายดายมาก
เขียนโดย อานนท์ อาภาเขต
จำนวนผู้อ่าน 7609 ท่าน